Forex (Foreign Exchange) หรือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คือ ตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่นักลงทุนและผู้ค้าสามารถซื้อขายสกุลเงินต่างๆ ได้โดยตรง ตลาดนี้มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึง 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลจาก BIS – Bank for International Settlements) ตลาด Forex เป็นตลาดที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ โดยเปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ (ในเวลาตามเขตเวลาของแต่ละประเทศ)
ในตลาด Forex ผู้เข้าร่วมตลาด (ทั้งนักลงทุนและผู้ค้าหรือ เทรดเดอร์) สามารถทำการซื้อและขายสกุลเงินได้ตามอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา อัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละสกุลเงินจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง, อัตราเงินเฟ้อ, ภาวะเศรษฐกิจของประเทศ, ข่าวสารต่างๆ และความไม่แน่นอนทางการเมือง
การทำงานของตลาด Forex
ตลาด Forex เป็นตลาดที่ไม่ได้มี ที่ตั้งทางกายภาพ อย่างเช่น ตลาดหลักทรัพย์ เพราะมันเป็น ตลาด OTC (Over-the-Counter) หรือ ตลาดนอกกระดาน โดยการซื้อขายจะทำผ่านทาง โบรกเกอร์ หรือ ตลาดระหว่างธนาคาร (Interbank Market) โดยผู้เข้าร่วมตลาดสามารถซื้อขายได้จากทุกที่ทั่วโลกผ่านอินเทอร์เน็ต
การซื้อขายในตลาด Forex เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่าง สกุลเงินคู่ เช่น การซื้อ EUR/USD (ยูโรต่อดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นการซื้อ สกุลเงิน EUR (ยูโร) และขาย สกุลเงิน USD (ดอลลาร์สหรัฐ) ในเวลาเดียวกัน โดยราคาของแต่ละสกุลเงินในคู่แลกเปลี่ยนจะมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจ หรือข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการเมืองของแต่ละประเทศ
ตัวอย่างการซื้อขาย Forex
ตัวอย่างเช่น:
หากคุณมองว่าค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐ (USD) จะ อ่อนค่า เมื่อเทียบกับ ยูโร (EUR) คุณอาจจะตัดสินใจซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD ซึ่งหมายความว่า คุณจะซื้อยูโรและขายดอลลาร์
หากค่าเงิน USD อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ EUR, คุณจะทำกำไรจากการที่ค่า EUR/USD ขึ้น
ลักษณะของตลาด Forex
ไม่มีตลาดกลาง: ตลาด Forex ไม่มีตลาดกลางเดียว เช่น ตลาดหุ้นที่มีการแลกเปลี่ยนในที่เดียว (เช่น ตลาดหลักทรัพย์) แต่การซื้อขายใน Forex เกิดขึ้นระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายที่ทำผ่านโบรกเกอร์ หรือการแลกเปลี่ยนผ่านการเชื่อมโยงระหว่างธนาคาร
ตลาด 24 ชั่วโมง: ตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เนื่องจากมีศูนย์การค้าทั่วโลกหลายแห่ง เช่น ใน ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และ ซิดนีย์
สภาพคล่องสูง: ตลาด Forex มีสภาพคล่องที่สูงมาก ทำให้ผู้เทรดสามารถทำการซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็ว
ใช้ Leverage (การยืมเงิน): ผู้เทรดสามารถใช้ Leverage หรือการยืมเงินเพื่อทำการเทรดในมูลค่าที่สูงกว่าทุนจริง โดยมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ Leverage
ประเภทของการเทรดในตลาด Forex
การเทรดแบบ Spot Market: การซื้อขายที่เกิดขึ้นทันทีตามราคาปัจจุบัน
การเทรดแบบ Forward Market: การตกลงซื้อขายในอนาคต โดยกำหนดราคาล่วงหน้า
การเทรดแบบ Futures Market: การซื้อขายในสัญญาอนาคตที่มีราคาที่ตกลงกันในวันนี้
การเทรดแบบ Options Market: การซื้อขายที่ให้สิทธิ์ในการซื้อหรือขายในราคาที่กำหนดในอนาคต
เหตุผลที่ผู้คนเข้าร่วมตลาด Forex
การลงทุน: นักลงทุนเข้าร่วมในตลาด Forex เพื่อลงทุนในสกุลเงินที่มีศักยภาพในการทำกำไร
การเก็งกำไร: นักเทรดส่วนใหญ่จะเข้าเทรดเพื่อหวังเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น
การป้องกันความเสี่ยง (Hedging): บริษัทต่างๆ หรือธนาคารจะใช้ Forex เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือการลงทุนข้ามชาติ
Leverage: นักเทรดบางคนใช้ Leverage เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในปริมาณที่มากขึ้นจากการลงทุนที่มีขนาดเล็ก
ข้อดีและข้อเสียของการเทรดในตลาด Forex
ข้อดี:
มีความคล่องตัวสูง: ตลาดเปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
มีสภาพคล่องสูง: สามารถทำการซื้อขายได้ตลอดเวลา
การลงทุนขั้นต่ำต่ำ: สามารถเริ่มต้นเทรดได้ด้วยเงินทุนน้อย
การใช้ Leverage: สามารถเทรดได้ด้วยการยืมเงิน ทำให้สามารถทำกำไรได้สูง
ข้อเสีย:
ความเสี่ยงสูง: การใช้ Leverage และการเทรดในตลาดที่ผันผวนสูงทำให้มีความเสี่ยงสูง
ตลาดมีความผันผวนสูง: ราคาสามารถเคลื่อนไหวเร็วและคาดเดาได้ยาก
ต้องการความรู้และประสบการณ์: การเทรดในตลาด Forex ต้องการการเรียนรู้และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
สรุป:
ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมสามารถซื้อขายสกุลเงินได้ 24 ชั่วโมง ตลาดนี้เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงิน รวมถึงผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน แต่การเทรดในตลาดนี้ก็มีความเสี่ยงสูง และจำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และกลยุทธ์ในการทำการเทรดที่เหมาะสม!